|
ฎีกาที่ 5467/2555 ลูกจ้างจะต้องร่วมรับผิดก็ต่อเมื่อลูกจ้างนั้นรู้หรือทราบว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด 2014-05-15 11:55:17 ใน รวมคำพิพากษาฎีกาคดีแรงงานที่น่าสนใจ » 0 4682
"คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ทุจริตหรือไม่ (จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้าง) โดยโจทก์อุทธรณ์ทำนองว่า จำเลยที่ 2 เปิดบัญชีเงินฝากสะสม เลขที่ 1654912870 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขารังสิต แล้วจำเลยที่ 2 มอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (ATM) ให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทุจริตโอนเงินของโจทก์เข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 1 ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ถอนเงินไปจากบัญชีดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทุจริตแล้ว ตามองค์ประกอบของคำว่า โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (1) จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับรับผิดชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง เห็นว่าการที่จะถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทุจริตนั้น จำเลยที่ 2 จะต้องทราบว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการทุจริต และจำเลยที่ 2 มีเจตนาที่จะร่วมทุจริตกับจำเลยที่ 1 ลำพังการที่จำเลยที่ 2 เปิดบัญชีฝากเงินสะสมทรัพย์ก่อนเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของโจทก์ 2 ปีเศษ แล้วมอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่จำเลยที่ 1 แม้จะได้ความว่าจำเลยที่ 1 โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 แล้วถอนเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปโดยทุจริต เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ทราบเรื่องการทุจริตของจำเลยที่ 1 จึงยังยังไม่ถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทุจริต อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น" ย่อมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5467/2555
|
|
Miracle Consultant Limited
1/828 การ์เด้นโฮม ช้อปปิ้ง พลาซ่า หมู่ที่ 17 ถนนพหลโยธิน
ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 Tel : 02-5316729-30 E-mail : webmaster@miracleconsultant.com |